สุดยอด เยื่อไผ่
เสื้อผ้าจากเส้นใยไผ่ที่มีความนิ่ม ทนทาน ยืดหยุ่น ดูนุ่มนวลและเงางามคล้ายผ้าไหม
สามารถซับเหงื่อทำให้สวมใส่สบาย ดูดซับรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต (UV) รวมถึงฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้
ไม่ เพียงแต่ไม้ไผ่จะเป็นพืชสารพัดประโยชน์ ที่เราสามารถนำมาใช้ได้อย่างหลากหลายในปัจจัย 4 ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ที่อยู่อาศัย (ใช้ก่อสร้าง ใช้ในงานประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้) ยารักษาโรคเท่านั้น ล่าสุดนักวิจัยก็สามารถพัฒนา เครื่องนุ่งห่ม จากไม้ไผ้ให้มีคุณสมบัติแสนพิเศษได้อีกด้วย
นาย Subhash Appidi และนาย Ajoy Sarkar จาก Colorado State University ได้จุ่มผ้าลงไปในน้ำยาไทโนซาน (Tinosan) สารฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 80% และป้องกันการดูดซึมรังสี UV ได้ที่ระดับ “ultraviolet protection factor” (UPF) ที่ 56 ซึ่งโดยปกติ UPF ที่ระดับ 50 ก็สามารถป้องกันอันตรายจากรังสี UV ได้
จากการทดสอบเบื้องต้น เนื้อผ้าที่ได้นั้นยังคงคงคุณสมบัติในการป้องกันแบคทีเรียและรังสี UV อยู่ เมื่อผ่านการซัก
ถึง กระนั้น เจ้าของผลงานก็เปิดเผยว่า ผ้าจากเส้นใยไผ่นั้น ยังมีช่องว่างที่รอการพัฒนาอยู่มาก เนื่องจากวัสดุจากธรรมชาตินั้นดูดซึมความชื้นได้ดีกว่าวัสดุสังเคราะห์ ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี ทำให้ผ้าเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่าย ส่วนเส้นใยไผ่ดิบ (ที่ไม่ผ่านการเคลือบสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย) นั้นไม่ป้องกันรังสี UV และแม้น้ำยาไทโนซานจะช่วยได้ฆ่าเชื้อได้ 75-80 % แต่ทีมงานก็ยังได้มุ่งหน้าเพื่อหาสารที่สามารถฆ่าเชื้อและป้องกันรังสี UV ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ คือ 99 -100% เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้ในทางการแพทย์
จุดเด่นของผ้าจากเยื่อ ไผ่นี้คือ ผ้าที่ได้มาจากกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไผ่เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ปลูกง่าย โตเร็ว กำลังได้รับความนิยม และที่สำคัญคือไม่มีการใช้สารฆ่าแมลงในแปลงปลูกอีกด้วย
ใน ปัจจุบัน ผ้าจากเยื่อไผ่เป็นที่รู้จักและมีจำหน่ายในประเทศแถบเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ฯลฯ โดยทั่วไป แต่การพัฒนาให้ผ้าจากเยื่อไผ่ให้มีคุณสมบัติพิเศษดังกล่าวนั้นก็นับเป็นนวัต กรรมด้านเสื้อผ้าและสิ่งทอ ที่อาจจะเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคและอาจเป็นก้าว ใหม่ของเสื้อผ้าที่จะถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์
ทั้งคู่ได้รายงานผลการวิจัยและพัฒนาในการประชุม American Chemical Society ครั้งที่ 235 ในประเทศอเมริกา เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
ไม่ เพียงแต่ไม้ไผ่จะเป็นพืชสารพัดประโยชน์ ที่เราสามารถนำมาใช้ได้อย่างหลากหลายในปัจจัย 4 ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ที่อยู่อาศัย (ใช้ก่อสร้าง ใช้ในงานประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้) ยารักษาโรคเท่านั้น ล่าสุดนักวิจัยก็สามารถพัฒนา เครื่องนุ่งห่ม จากไม้ไผ้ให้มีคุณสมบัติแสนพิเศษได้อีกด้วย
นาย Subhash Appidi และนาย Ajoy Sarkar จาก Colorado State University ได้จุ่มผ้าลงไปในน้ำยาไทโนซาน (Tinosan) สารฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 80% และป้องกันการดูดซึมรังสี UV ได้ที่ระดับ “ultraviolet protection factor” (UPF) ที่ 56 ซึ่งโดยปกติ UPF ที่ระดับ 50 ก็สามารถป้องกันอันตรายจากรังสี UV ได้
จากการทดสอบเบื้องต้น เนื้อผ้าที่ได้นั้นยังคงคงคุณสมบัติในการป้องกันแบคทีเรียและรังสี UV อยู่ เมื่อผ่านการซัก
ถึง กระนั้น เจ้าของผลงานก็เปิดเผยว่า ผ้าจากเส้นใยไผ่นั้น ยังมีช่องว่างที่รอการพัฒนาอยู่มาก เนื่องจากวัสดุจากธรรมชาตินั้นดูดซึมความชื้นได้ดีกว่าวัสดุสังเคราะห์ ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี ทำให้ผ้าเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่าย ส่วนเส้นใยไผ่ดิบ (ที่ไม่ผ่านการเคลือบสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย) นั้นไม่ป้องกันรังสี UV และแม้น้ำยาไทโนซานจะช่วยได้ฆ่าเชื้อได้ 75-80 % แต่ทีมงานก็ยังได้มุ่งหน้าเพื่อหาสารที่สามารถฆ่าเชื้อและป้องกันรังสี UV ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ คือ 99 -100% เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้ในทางการแพทย์
จุดเด่นของผ้าจากเยื่อ ไผ่นี้คือ ผ้าที่ได้มาจากกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไผ่เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ปลูกง่าย โตเร็ว กำลังได้รับความนิยม และที่สำคัญคือไม่มีการใช้สารฆ่าแมลงในแปลงปลูกอีกด้วย
ใน ปัจจุบัน ผ้าจากเยื่อไผ่เป็นที่รู้จักและมีจำหน่ายในประเทศแถบเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ฯลฯ โดยทั่วไป แต่การพัฒนาให้ผ้าจากเยื่อไผ่ให้มีคุณสมบัติพิเศษดังกล่าวนั้นก็นับเป็นนวัต กรรมด้านเสื้อผ้าและสิ่งทอ ที่อาจจะเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคและอาจเป็นก้าว ใหม่ของเสื้อผ้าที่จะถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์
ทั้งคู่ได้รายงานผลการวิจัยและพัฒนาในการประชุม American Chemical Society ครั้งที่ 235 ในประเทศอเมริกา เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
ต้นไผ่เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนและมีคุณประโยชน์อย่างมหาศาล
เพราะช่วยทำให้
อากาศบริสุทธิ์
ว่ากันว่าป่าไผ่มีความหนาแน่นสูงทำให้สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
และปล่อยก๊าซออกซิเจนกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมได้สูงกว่าต้นไม้ชนิดอื่นถึง
ร้อยละ 30 สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งสูงได้หลายฟุตภายในเวลาเพียง 24
ชั่วโมง จึงทำให้สามารถ
เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอด
ใช้น้ำและพลังงานในการปลูกน้อย อีกทั้งไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีอื่นใด เนื่องจากไผ่มีสารป้องกันแบคทีเรียตามธรรมชาติอยู่แล้ว
รากไผ่ยังช่วยฟื้นฟูสภาพดินและขจัดสารพิษในดิน และสามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้
โดยทั่วไปมักนำไผ่มาทำอาหาร
เฟอร์นิเจอร์ งานก่อสร้าง กระดาษ บรรจุภัณฑ์ และการขนส่ง แต่เมื่อปี ค.ศ. 2002 นักวิทยาศาสตร์จาก
Beijing University ได้ค้นพบวิธีการผลิตเส้นใยจากไผ่
และตั้งแต่นั้นมาได้มีการพัฒนาเทคนิควิธีการผลิตให้ได้เส้นใยที่มีคุณภาพ ชั้นนำ
ซึ่งนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ ในเวลาต่อมา
การพัฒนาเป็นสิ่งทอ
ผ้าที่ได้จากต้นไผ่ถือเป็นสิ่งทอที่ได้จากธรรมชาติเพราะทำจากส่วนที่เป็น
เนื้อไม้ไผ่ ไม้ไผ่ที่นำมาทำเส้นใยนั้นจะเป็นพันธุ์โมโซ (Moso bamboo) ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับที่หมีแพนด้ากินและสามารถปลูกเลี้ยงได้ง่าย ทำให้ไม่จำเป็นต้องบุกทำลายป่าเพื่อนำไม้ออกมาใช้
ต้นไผ่พันธุ์โมโซ
การเปลี่ยนสภาพจากต้นไผ่ให้กลายเป็นผ้าทอนั้นมีหลายวิธีที่แตกต่างกัน
วิธีทางกลคือวิธีที่บดไม้ไผ่ให้เป็นเยื่อไม้นั้นเป็นวิธีที่อันตรายน้อยที่ สุดแต่ทว่าแพงที่สุด
ส่วนวิธีทางเคมีนั้น บางวิธีก็เป็นภัยที่คุกคามสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานและสิ่งแวดล้อม
แต่เนื่องจากตลาดเสื้อผ้าเส้นใยจากไม้ไผ่กำลังเติบโตและผู้บริโภคนิยม ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นผู้ผลิตหลายรายจึงเลือกใช้วิธีการทำเส้นใยไม้ไผ่ที่ได้รับการรับรอง ว่าปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม
เช่น วิธีไลโอเซลล์*
(lyocell process) หรือวิธีที่ใช้สารเคมีที่ปลอดภัยกว่าเดิม
เช่น กรดอะซิติก (acetic acid) เป็นต้น
ลักษณะของเส้นใยไม้ไผ่
สมบัติที่โดดเด่น
เส้นใยที่พร้อมสำหรับทอ
ผ้าจากเส้นใยไม้ไผ่นิยมนำไปใช้ตัดเสื้อเชิ้ต
กางเกงสแลกส์ (slacks)
เสื้อชุดของสุภาพสตรี ถุงเท้าและชุดสำหรับออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังนิยมนำมาทำปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนอีกด้วย
เนื่องจากมีสมบัติที่โดดเด่นดังต่อไปนี้
- ให้สัมผัสที่นุ่มสบายกว่าผ้าที่ทำจากเส้นใยฝ้าย
อีกทั้งยังมีความมันคล้ายกับเส้นใยไหมและขนแคชเมียร์ แต่มีราคาที่ถูกกว่า ทนทานกว่า
และดูแลรักษาได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ เมื่อนำเส้นใยไม้ไผ่ไปผสมกับเส้นใยฝ้ายที่ได้จากเกษตรอินทรีย์จะเพิ่มสมบัติ
ความอ่อนนุ่มยิ่งขึ้นไปอีกและมีน้ำหนักดี โดยทั่วไปมักผสมเส้นใยฝ้ายเพียงร้อยละ
30
- ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนังของผู้สวมใส่เนื่องจากเส้นใยของไม้ไผ่จะเรียบ
ลื่น จึงเหมาะสมอย่างมากสำหรับผู้ที่ผิวหนังแพ้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีในการผลิตเส้นใยด้วยว่าได้เลือกกรรมวิธีการผลิตที่ใช้
สารเคมีน้อยและมีมาตรฐานรองรับหรือไม่
ลักษณะของเส้นใย
- ปรับอุณหภูมิได้เหมาะสมกับสภาพอากาศ
กล่าวคือ ในวันที่อากาศร้อนผู้สวมใส่จะรู้สึกเย็นสบาย แต่ในวันที่อากาศหนาวเย็นก็จะรู้สึกอบอุ่นกว่าผ้าที่ทำจากเส้นใยชนิดอื่น
ประมาณ 2-3
องศาเซลเซียส
- ดูดซับความชื้นและระบายอากาศได้เป็นอย่างดี
หากดูที่ภาพตัดขวางของเส้นใยจะพบว่ามีรูพรุนจำนวนมากมาย ซึ่งรูพรุนเหล่านี้จะช่วยให้เส้นใยสามารถดูดซับความชื้นและระเหยความชื้นนี้
ออกไปอย่างรวดเร็ว หากเปรียบเทียบกับเส้นใยฝ้ายจะสามารถดูดซับได้ดีกว่าถึง 3-4 เท่า
ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบายตัวในวันที่อากาศร้อน
ภาพตัดขวางของเส้นใยไม้ไผ่พบว่ามีรูพรุนจำนวนมาก
- ป้องกันแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
เนื่องจากในเส้นใยของไม้ไผ่จะมีสารที่ต้านฤทธิ์ของแบคทีเรีย (bamboo kun) อยู่
สารนี้จะป้องกันไม่ให้แบคทีเรียฝังตัวและเจริญเติบโตบนเสื้อผ้าได้ ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งได้ทดลองซักผ้าจากเส้นใยไม้ไผ่จำนวน
100 ครั้ง
พบว่าไม่มีความเปลี่ยนแปลงในประสิทธิภาพการป้องกันแบคทีเรีย
- ไม่ต้องรีดก่อนสวมใส่
เพราะผ้าชนิดนี้ไม่ยับย่นง่าย
- ป้องกันผู้สวมใส่จากแสงยูวี
การดูแลรักษา
โดยปกติสามารถซักผ้าจากเส้นใยไม้ไผ่โดยใช้เครื่องซักผ้าและน้ำเย็นได้
เพียงแต่ต้องใช้สบู่อย่างอ่อนและใช้โปรแกรมการซักแบบถนอมผ้า ผู้ผลิตมักไม่นิยมให้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มและสารฟอกสี
เมื่อซักเสร็จสามารถแขวนและตากให้แห้งได้เลย เนื่องจากผ้าจากเส้นใยนี้จะแห้งเร็วกว่าเส้นใยชนิดอื่นอยู่แล้ว
และด้วยสมบัติไม่ยับย่นง่าย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรีดก่อนใส่ทำให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม
มักมีการนำเส้นใยไม้ไผ่มาผสมกับเส้นใยชนิดอื่น เช่น ฝ้าย ไลครา (Lycra) สแปนเด็กซ์
(spandex) โพลิเอสเทอร์ (polyester) เพื่อให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป
ดังนั้นควรทำความเข้าใจข้อมูลต่างๆ จากผู้ผลิตก่อน
ทางเลือกใหม่
เส้นใยบางชนิดแม้จะได้จากธรรมชาติ
เช่น เส้นใยฝ้าย ต้นไม้หรือขนสัตว์ แต่ก็ไม่อาจเชื่อได้ว่าเป็นมิตรและไร้ซึ่งพิษภัยใดๆ
ได้ เช่น การปลูกฝ้ายเพื่อนำมาปั่นเป็นเส้นใยนั้น บางครั้งมีการใช้สารเคมีอันตรายเพื่อใช้ในการกำจัดแมลงและวัชพืชจำนวนมาก
หรือต้นไผ่แม้จะไม่ใช้สารเคมีในขั้นตอนการปลูก แต่หากในขั้นตอนการเตรียมเส้นใยมีการใช้สารฟอกและสารเคมีรุนแรงชนิดอื่นก็
อาจส่งผลเสียได้เช่นกัน
สำหรับเส้นใยสังเคราะห์นั้นต้องใช้ปิโตรเลียมเป็นวัตถุดิบ
เช่น เส้นใยโพลิเอสเทอร์ ซึ่งทำจากโพลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) ที่ถูกดึงให้เป็นเส้นบางๆ
และนำมาทอเป็นผืนนั้น ในปัจจุบันเป็นที่ทราบว่าทั่วโลกกำลังประสบกับวิกฤตการณ์น้ำมัน
ดังนั้นหากมีหนทางใดที่ลดการพึ่งพาน้ำมัน อีกทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงน่าจะเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ
เอกสารอ้างอิง
- http://eartheasy.com/wear_bamboo_clothing.htm
- http://geofeat.com/resources/clothing_footwear/articles/1063
- http://www.sciencenewsforkids.org/articles/20061220/Feature1.asp
- http://www.wisegeek.com/what-is-bamboo-fabric.htm
ขอบคุณข้อมูลดีๆ ที่นำมาบอกกล่าวกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น