เรื่องของไผ่ และสายพันธุ์

 ...

         ไผ่เป็นทรัพยากรป่าไม้ที่มนุษย์รู้จักนำมาใช้ประโยชน์ มากกลุ่มหนึ่งมาตั้งแต่อดีตกาลโดยเฉพาะคนในชนบท จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไม้ซุงของคนจน (The Poor Man‘s Timber)” (Sharma, 1985 อ้างโดย สงคราม, 2532) ไผ่จัดเป็นพืชโตเร็ว (Fast-growing plant) ที่มีรอบตัดฟัน (Harvest Rotation) ที่สั้นที่สุดเมื่อเทียบกับไม้โตเร็วชนิดอื่นที่ปลูกสร้างเป็นสวนป่าและใช้ ประโยชน์กันอยู่ในเมืองไทย นอกจากนี้ไผ่ยัง จัดเป็นไม้เอนกประสงค์ (Multi-purpose species) ทุกส่วนของไผ่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม ประโยชน์ทางตรง อาทิเช่น หน่อไผ่ใช้ในการบริโภคได้มากกว่า 25 ชนิด ที่นิยมและแพร่หลายในประเทศไทย เช่น ไผ่ตง ( Dendrocalamus asper ) ไผ่ไร่ ( Gigantochloa albociliata) ไผ่รวก (Thyrsostachys siamensis) ไผ่หมาจู๋ (D. latiflorus) และ ไผ่ลุ่ยจู๋ ( Bambusa oldhamii Munro.) เป็นต้น หน่อไม้ไผ่เป็นอาหารสำคัญที่นอกจากจะใช้บริโภคภายในประเทศแล้ว ส่วนหนึ่งได้มีการส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศในรูปของผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น หน่อไม้อัดปีบ หน่อไม้แห้ง หน่อไม้สดแช่แข็ง หน่อไม้อัดกระป๋อง เป็นต้น ปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์หน่อไม้ดังกล่าวมีแนวโน้มที่สูงขึ้นทุกปี เนื่องจากความต้องการของตลาดต่างประเทศสูง และการผลิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ปัจจุบันมีการปลูกสวนไผ่ตงเพื่อการผลิตหน่อไม้สดส่งโรงงานในเขตจังหวัด กาญจนบุรีและปราจีนบุรี และได้มีการนำพันธุ์ไผ่ลุ่ยจู๋และหมาจู๋ ซึ่งเป็นไผ่จากประเทศไต้หวันที่ใช้บริโภคหน่อสดเข้ามาทดสอบปลูกในเขตจังหวัด ปราจีนบุรีและกาญจนบุรี พบว่าสามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้ดี โดยเฉพาะไผ่พันธุ์ลุ่ยจู๋ให้หน่อที่มีรสชาติหวานมาก เนื้อละเอียด กรอบ มีเสี้ยนน้อย (นิศารัตน์และคณะ, 2540) เหง้าไผ่ (rhizome) ใช้ทำเครื่องประดับตกแต่งบ้าน ใบของไผ่บางชนิดใช้ห่ออาหาร เช่นขนมบ๊ะจ่าง ลำไม้ไผ่ใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางมาก เช่น ทำเครื่องจักสาน ก่อสร้าง ไม้ค้ำยัน เครื่องดนตรี เยื่อกระดาษ ไม้อัด และอื่น ๆ ที่นิยมมากในปัจจุบันคือการผลิตถ่านจากไผ่ในรูป Bamboo Activated Charcoal โดยถ่านชนิดนี้สามารถดูดซับกลิ่น สี ก๊าซ ฝุ่นละออง สารอินทรีย์และสารอนินทรีย์บางชนิด สารปนเปื้อนในน้ำและอากาศ สารนิโคตินในบุหรี่ สารเรดิโอแอคทีฟบางตัวเช่น xenon และ krypton ซึ่งปนเปื้อนในระบบระบายอากาศโรงงานที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นต้น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนผลิตถ่านไม้ไผ่ส่งขายในประเทศต่างๆ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ประมาณ 70,000 ตันต่อปี ประเทศญี่ปุ่นประมาณ 50,000 ตันต่อปี (Anonymous, 2000) จะเห็นได้ว่าการศึกษาวิจัยการใช้ประโยชน์จากถ่านไม้ไผ่เป็นอีกทางหนึ่งที่ สามารถนำไปสู่การผลิตในเชิงอุตสาหกรรมได้ ในอนาคตนอกจากนี้การผลิตถ่านไม้ไผ่ ยังมีผลพลอยได้จากการเผาถ่านไม้ไผ่ ได้แก่ น้ำส้มควันไม้ ซึ่งมีประโยชน์ในการใช้ป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช การนำไปใช้ประโยชน์เป็นยารักษาโรค การใช้ประโยชน์ในด้านเครื่องสำอางบำรุงผิว เป็นต้น ส่วนประโยชน์ในทางอ้อมของการปลูกไผ่ เช่น การปลูกไผ่ไว้ริมตลิ่งป้องกันตลิ่งพังเนื่องจากการกัดเซาะพังทลาย หรือการปลูกไผ่ไว้ตามหัวไร่ปลายนาหรือรอบๆ ที่อยู่อาศัยเพื่อใช้เป็นแนวชะลอความเร็วของลม (wind-break) ป้องกันพืชผลที่ปลูกไม่ให้ถูกทำลายโดยแรงลม และที่สำคัญที่สุดคือประโยชน์จากการช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และ เพิ่มปริมาณก๊าซออกซิเจนในบรรยากาศ จากกระบวนการสังเคราะห์แสง ซึ่งไผ่สามารถสังเคราะห์แสงได้จากทั้งส่วนที่เป็นใบซึ่งมีพื้นที่ผิวใบจำนวน มาก รวมไปถึงจากส่วนผิวของลำไผ่ซึ่งมีสีเขียวก็ช่วยในการสังเคราะห์แสงได้เช่น กัน การปลูกสวนไผ่นอกจากจะได้รับประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ป่าไผ่ยังช่วยลดภาวะโลกร้อนซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกประเทศในโลกนี้ต้องช่วยกัน ไม่ให้เกิดภาวะวิกฤต


การจำแนกพันธุ์ด้วยลักษณะที่ปรากฎภายนอกใหญ่ ๆ ให้สังเกตได้จาก

1. ใบ ดูลักษณะ (shape) ปลายใบ โคนใบ หูใบ (stipules) ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามชนิด
2. สังเกตความสั้นยาวของปล้อง (internods) เช่น ไผ่นวล ไผ่ข้าวหลาม ไผ่เฮียะ ซึ่งมีปล้องยาว ส่วนไผ่ป่า จะมีปล้องสั้น
3. ความโตของเส้นรอบวง เช่น ไผ่หก ไผ่เฉียงรุน ไผ่ซาง มีขนาดโตกว่าไผ่ชนิดอื่น
4. ดูตาปล้อง (Bud) ไม้ไผ่บางชนิดจะมีหนามอยู่เหนือตา เช่น ไผ่สีสุก ไผ่ป่า ส่วนไม้ไผ่ซางมีกิ่งยื่นออกมา และหลุดหายไปเมื่อแก่เต็มที่
5. สีของลำต้น (Colors) ไม้ซางคำหรือไผ่เหลืองจะมีสีเหลืองตลอดลำและมีแถบสีเขียวยาวเป็นแถบลงมา ส่วนไผ่สีสุก ไผ่ป่า จะมีสีเขียวสดอยู่เสมอ
6. ความหนาของลำต้น เช่น ไผ่สีสุก ไผ่ไร่ จะมีความหนากว่าไผ่ข้าวหลาม เป็นต้น
จากการสังเกตลักษณะภายนอกดังกล่าวมาแล้ว เพียงอย่างเดียวก็ยังไม่สามารถจะจำแนกพันธุ์ได้ถูกต้องนัก เพราะแม้แต่ไม้ไผ่ชนิดเดียวกันก็ยังมีลักษณะไม่เหมือนกัน เนื่องจากความแตกต่างทางภูมิอากาศ ทางธรณีวิทยา ความสมบูรณ์ของดินที่แตกต่างกัน ปริมาณนํ้าฝน เป็นต้น ทำให้ไผ่ชนิดเดียวกันปลูกในที่ต่างกันมีลักษณะผิดแปลกกันไป ยิ่งกว่านั้นอายุความอ่อนแก่หรือจำนวนที่ปลูกต่างกัน ก็ทำให้ลักษณะส่วนประกอบของเนื้อไม้ต่างกันไปด้วย ฉะนั้นการจำแนกพันธุ์ที่ถูกต้อง ต้องอาศัยการเจริญเติบโตของเหง้า กาบหุ้มลำ ส่วนต่าง ๆ ของดอกลักษณะของผล เป็นเกณฑ์ด้วยจึงจะจำแนกได้อย่างถูกต้อง
ก่อนที่จะจำแนกพืชพันธุ์ไผ่โดยพิสดาร จำเป็นต้องรู้จักส่วนต่าง ๆ ของไผ่ เป็นหลักเสียก่อน
1. เหง้า (Rhizome) คือส่วนของลำต้นที่อยู่ใต้ดิน แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
1.1 รากโมโนพอเดียล (monopodial rhizome) ลำเหง้าเรียวยาว เจริญงอกงามไปตามแนวระดับและมีขนาดเล็กกว่าลำที่งอกขึ้นมาจากด้านข้างของ เหง้า ดูภาพที่ 2
1.2 เหง้าซิมพอเดียล (Sympodial rhizome) ลำเหง้าสั้น และมีขนาดใหญ่กว่าลำที่งอกขึ้นมาจากตอนปลาย
ตามทัศนะของ HUBBARD (1934) เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องหญ้า ประจำหอพรรณไม้ คิว ประเทศอังกฤษ ได้จัดให้ไม้ไผ่เป็นเผ่า (tribe) หนึ่งของอนุวงศ์ POOIDEAE ในวงศ์ GRAMINEAE และ ขนานนามเผ่าไม้ไผ่ว่า BAMBUSEAE
ส่วนโคนของแขนงที่งอกออกไปจากเหง้านั้นเรียกว่า คอเหง้า
(rhizome neck)
2. กาบหุ้มลำ (Culm sheath) คือ ส่วนที่หุ้มอยู่รอบลำ สำหรับป้องกันราเมื่อยังอ่อนอยู่ กาบหุ้มนี้มักจะหลุดร่วงไปเมื่อลำเจริญเติบโตเต็มที่ แต่มีไม้ไผ่บางชนิดที่กาบหุ้มลำไม่หลุดร่วงไป เช่น ไผ่รวก (Thyrostachys
siamensis) เป็นต้น กาบหุ้มลำแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
2.1 กาบ (sheath) คือส่วนที่หุ้มรอบลำ อาจมีสภาพหนา แข็งกรอบ หรือบางอ่อน มีขนคายหรือเกลี้ยง ไม่มีขนสั้นหรือยาว แตกต่างกันไปตามชนิดของไม่ไผ่ ตอนปลายกาบตรงที่ต่อกันกับใบยอดกาบ จะมีส่วนที่จะขอเรียกว่า กระจัง (ligule) ดูภาพที่ 3 กระจังนี้อาจจะเป็นขนยาว ๆ หรือสั้น ๆ หรือเป็นเยื่อบางก็ได้ นอกจากนี้แล้วตรงด้านบนทั้งสองข้างของกาบซึ่งมีลักษณะคล้ายหัวไหล่นั้น บางทีจะมีครีบหรือขนอยู่ จะขอเรียกรวม ๆ ว่าครีบกาบ(auricle)
2.2 ใบยอดกาบ (sheath blade) ตอนปลายของกาบมีส่วนที่มีลักษณะคล้ายใบ แต่มีขนาดใหญ่และเนื้อหนากว่า ใบยอดกาบนี้ตามปกติจะหลุดร่วงพร้อมกันกับกาบ แต่มีบางชนิดที่หลุดร่วงไปก่อน อย่างไรก็ตามใบยอดกาบ จะมีรอยต่ออยู่กับกาบเสมอมิได้เชื่อมเป็นแผ่นเดียวกันโดยตลอด ดูภาพที่ 3
3. ดอก (Floret) ดอกไม้ไผ่มีส่วนต่าง ๆ จำนวน 3 เกือบทุกสกุล และเนื่องจากส่วนต่าง ๆ ของดอกอยู่ใกล้ชิดกันมาก จึงมีรูปลักษณะผิดแปลกไปจากดอกพันธุ์ไม้จำพวกหญ้าในวงศ์เดียวกัน คือ ช่อดอก (inflorescens) หนึ่งจะมีกลุ่มดอก (spikelet) หลายดอก และกลุ่มดอกหนึ่งก็มีดอก (floret) ดอกเดียวหรือหลายดอก ที่โคนสุดของกลุ่มดอกนั้นมีกลีบ (glume) ซึ่งจะขอเรียกว่า กลีบหุ้มดอกปกติมีกลีบ แล้วแต่ละดอกจะมีช่วงระหว่างดอก (rachilla) สั้น ๆ ซึ่งขอเรียกว่าก้าน ดูภาพที่ 5 กลีบหุ้ม (lemma) มีขนาดใหญ่และจะหุ้มกลีบต่าง ๆ ของดอกไว้เกือบโดยรอบ กลีบรอง (palea) มีจำนวน 2 กลีบดอก (lodicule) ส่วนมาก มีจำนวน 3 หรือบางทีมีเพียง 2 เท่านั้น เกษรตัวผู้ (stamen) มีจำนวน 3 หรือ 6 ก้าน เกษรเชื่อมติดกันหรือแยกกันอยู่อับเรณู (anther) ตรงยอดมักพองโตหรือมีขน เกษรตัวเมีย (pistil) มักมีขนปกคลุมและตอนปลายอันเป็นที่ตั้งของตุ่มเกษร (stigma) จะเป็นอันเดียวกันหรือแยกจากกัน 2 หรือ 3 แฉก ดูภาพที่ 5
4. ผล เป็นชนิดเนื้อนุ่มเปลือกอ่อน (berry) หรือเนื้อแข็งเปลือกล่อนแข็ง (nut) หรือเนื้อแข็งเปลือกแข็ง ไม่ล่อน เช่น เมล็ดข้าวเปลือก แตกต่างกันไปแต่ละเผ่าพันธุ์
การจำแนกพันธุ์ไม้ไผ่ในโลกนี้ ถึงแม้นักพฤกษศาสตร์ ส่วนใหญ่ได้จัดรวมไว้ในวงศ์เดียวกันกับหญ้าชนิดต่าง ๆ คือ วงศ์ (GRAMINEAE) แต่บางท่านที่พิจารณาเห็นว่า ไม้ไผ่มีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากวงศ์หญ้าตรงที่มีลำต้นแข็งแรง เนื้อแข็ง มีก้านใบ (petiole) เห็นชัด ส่วนต่าง ๆ ของดอกจำนวน 3 เกือบสม่ำเสมอทุกสกุล ช่อดอกไม่มีกาบหุ้มเหมือนหญ้าอื่น ๆ และมีผลมีลักษณะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า ไม้ไผ่มีกำเนิดมาก่อนหญ้า ซึ่งวิวัฒนาการขึ้นมาภายหลัง สมควรที่จะยกฐานะขึ้นเป็นพืชวงศ์หนึ่งต่างหาก และให้ชื่อ ว่า BAMBUSACEAE
พันธุ์ไม้ไผ่ในประเทศไทย นั้น ได้จัดรูปวิธานการจำแนก ไม้ไผ่สกุลต่าง ๆ เท่าที่ได้ทราบแน่นอนว่ามีอยู่ในประเทศไทย โดยอาศัยหลักเกณฑ์ของ McCLURE (1 966) ซึ่งใช้ลักษณะของเหง้า กิ่งตามข้อลำตอนกลางลำ กาบหุ้มลำ ครีบกาบ (auricle) และลักษณะของเกษรตัวผู้และเกษร ตัวเมียประกอบกันดังต่อไปนี้


ข้อมูลจาก คณะผู้วิจัย:สถานีวิจัยกาญจนบุรี สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และไทยเกษตรศาสตร์

เส้นใย จากไม้ไผ่

เส้นใยไม้ไผ่...
เส้นใยไม้ไผ่

                 เ ส้นใยไม้ไผ่ผลิตจากประเทศในแถบเอเชีย โดยถือว่าเป็นเส้นใยกึ่งสังเคราะห์(คล้ายเส้นใยวิสโคส) โดยมีกระบวนการผลิตแบบใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เนื้อไม้ไผ่ และเยื่อไผ่ ได้มาจากมณฑลยูนาน และซีเจียน ประเทศจีน ที่ปราศจากมลพิษ) เยื่อไม้ที่มีลักษณะเป็นแป้งได้มาจากลำต้นของไม้ไผ่และใบไม้ ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซิส-อัลคาไลซ์เซชั่น (Hydrolysis-alkalization) และการฟอกขาวหลายเที่ยว จากนั้นโรงงานผลิตเส้นใยทางเคมีจึงทำให้เป็นเส้นใยไม้ไผ่
สมบัติจากการวิเคราะห์เส้นใยนี้พบว่าความละเอียด และความขาว ของเส้นใยไม้ไผ่มีค่าใกล้เคียงกับเส้นใยวิสโคส และมีความคงทน และเสถียรภาพ รวมทั้งความเหนียวสูง เส้นใยสามารถทนการขัดถู และทำให้สามารถปั่นด้ายได้อย่างสมบูรณ์ เส้นด้าย และผ้าที่มาจากเส้นใยนี้เป็นเส้นใยที่ได้รับรองคุณภาพว่าเป็นเส้นใยที่ดีทุกคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับเส้นใย เส้นใยไม้ไผ่เป็นเส้นใยที่ผลิตมาด้วยเยื่อไม้ไผ่ 100% ดังนั้นจึงสามารถดูดความชื้น สามารถถูกน้ำแทรกซึมได้ดีเยี่ยม มีความนุ่มนวล ง่ายต่อการการทำให้เป็นเส้นตรง และติดสีได้ดีไม่ว่าจะย้อมสี หรือพิมพ์ เป็นเส้นใยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมคล้ายกับเยื่อไม้ผ้าขนหนู ละชุดคลุมตัวสำหรับอาบน้ำที่ผลิตด้วยเส้นใยนี้ จะมีความนุ่มนวล และสวมใส่สบายตัว และมีความมันเงาพิเศษ เมื่อถูกย้อมสีจะมีความมันเงา และสวยงาม และชอบน้ำมาก อีกทั้งแบคทีเรียไม่สามารถจะขยายพันธุ์ได้การเปรียบเทียบพบว่าเส้นด้ายจากเส้นใยไม้ไผ่มีราคาใกล้เคียงกับเส้นใยของฝ้าย เส้นด้ายที่มาจากเส้นใยไม้ไผ่จะมีความยืดหยุ่นเกือบ 20% ดังนั้นมีนักวิจัยบางคนบอกว่าไม่จำเป็นต้องใส่เส้นด้ายยางยืดมาช่วยเส้นใยไม้ไผ่มีความนุ่มนวลเกือบจะเท่ากับเส้นใยเทนเซล และพบว่าต้องการสีย้อมน้อยกว่าฝ้าย โมดัล หรือวิสโคส ทำให้ประหยัดสีย้อมในการย้อมเส้นใยชนิดนี้ได้ แถมติดสีเร็วกว่าด้วยขณะนี้ผู้ผลิตสามารถปั่นด้ายเบอร์ Ne 50/1 และคิดว่าจะทำให้ละเอียด
กว่านี้ต่อไป จนสามารถปั่นด้ายเกือบถึงเบอร์ Ne 60/1 ได้ นั่นเอง
                 กระบวนการ
คุณสมบัติที่ดีอีกประการหนึ่งของเส้นใยไม้ไผ่ คือ ความสามารถในการหายใจได้ (เหมาะสมกับอากาศร้อนในช่วงฤดูร้อน)
การนำไปใช้งาน
1. เส้นใยไม้ไผ่ที่เป็นเสื้อผ้าชั้นใน เช่น เสื้อสเวตเตอร์ ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดตัว ชุด
อาบน้ำ ผ้าห่ม มีสีสันสวยงาม และมันเงาดี และสดใส ดูดน้ำได้ดี เนื่องจาก
เส้นใยสามารถป้องกันแบคทีเรียได้ จึงเหมาะสมกับการใช้งานเป็นเสื้อผ้า
ชั้นใน เสื้อผ้าที่แนบตัว และถุงเท้า สามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต
ดังนั้นสามารถป้องกันเด็กทารก และสตรีมีครรภ์ เพื่อป้องกันการแทรกซึม
ของรังสีอัลตราไวโอเลต
2. ผ้าไม่ทอจากเส้นใยไม้ไผ่ ผลิตจากเยื่อไม้ไผ่ มีสมบัติคล้ายเส้นใยวิสโคส
อย่างไรก็ตามเส้นใยไม้ไผ่มีสมบัติที่สามารถใช้ในงานสุขอนามัยได้ เช่น
ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมเด็ก ที่ปิดจมูก ผ้าปิดอาหาร เพราะสามารถป้องกัน
แบคทีเรียได้
3. วัสดุด้านสุขอนามัย เช่น ผ้าพันแผล หน้ากาก ผ้าสำหรับงานผ่าตัด ชุด
พยาบาล เป็นต้น เนื่องจากโดยธรรมชาติเส้นใยสามารถป้องกันแบคทีเรียได้
4. ชุดตกแต่งบ้าน เนื่องจากมีคุณสมบัติด้านระงับการเจริญเติบโต ป้องกัน
แบคทีเรีย และป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต จึงนำมาใช้ในงานตกแต่งบ้าน
ได้ เนื่องจากหากนำไปทำผ้าม่าน เส้นใยไม้ไผ่สามารถดูดซับรังสี
อัลตราไวโอเลตได้ดี ดังนั้นเมื่อนำมาทำผ้าม่าน วอลล์เปเปอร์ จะไม่มี
ปัญหาดังกล่าว
5. ชุดสำหรับห้องอาบน้ำ เนื่องจากดูดความชื้นดีมาก มีความนุ่มนวล และ
สีที่สดใสดี แถมป้องกันแบคทีเรียได้ ดังนั้นใช้ในงานเคหะสิ่งทอ แถมเมื่อ
เปียกชื้นก็ไม่มีกลิ่นอับชื้น เพราะแบคทีเรียเจริญเติบโตอีกด้วย
หมายเหตุ เนื่องจากเส้นใยดังกล่าวผู้ผลิตก็ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลในเชิงลึกมากนัก
นี่จึงเป็นบทความหนึ่งที่นำมาแขร์สู่กันฟัง 
ข้อมูลดีๆ จากผลงานของ ดร.



เยื่อไผ่ ทำไรได้บ้าง

สุดยอด...
สุดยอด เยื่อไผ่

เสื้อผ้าจากเส้นใยไผ่ที่มีความนิ่ม ทนทาน ยืดหยุ่น ดูนุ่มนวลและเงางามคล้ายผ้าไหม สามารถซับเหงื่อทำให้สวมใส่สบาย ดูดซับรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต (UV) รวมถึงฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้


ไม่ เพียงแต่ไม้ไผ่จะเป็นพืชสารพัดประโยชน์ ที่เราสามารถนำมาใช้ได้อย่างหลากหลายในปัจจัย  4 ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ที่อยู่อาศัย (ใช้ก่อสร้าง ใช้ในงานประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้) ยารักษาโรคเท่านั้น ล่าสุดนักวิจัยก็สามารถพัฒนา เครื่องนุ่งห่ม จากไม้ไผ้ให้มีคุณสมบัติแสนพิเศษได้อีกด้วย


นาย Subhash Appidi และนาย Ajoy Sarkar จาก Colorado State University ได้จุ่มผ้าลงไปในน้ำยาไทโนซาน (Tinosan) สารฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 80% และป้องกันการดูดซึมรังสี UV ได้ที่ระดับ “ultraviolet protection factor” (UPF) ที่ 56 ซึ่งโดยปกติ UPF ที่ระดับ 50 ก็สามารถป้องกันอันตรายจากรังสี UV ได้

จากการทดสอบเบื้องต้น เนื้อผ้าที่ได้นั้นยังคงคงคุณสมบัติในการป้องกันแบคทีเรียและรังสี UV อยู่ เมื่อผ่านการซัก


ถึง กระนั้น เจ้าของผลงานก็เปิดเผยว่า ผ้าจากเส้นใยไผ่นั้น ยังมีช่องว่างที่รอการพัฒนาอยู่มาก เนื่องจากวัสดุจากธรรมชาตินั้นดูดซึมความชื้นได้ดีกว่าวัสดุสังเคราะห์ ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี ทำให้ผ้าเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่าย ส่วนเส้นใยไผ่ดิบ (ที่ไม่ผ่านการเคลือบสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย) นั้นไม่ป้องกันรังสี UV และแม้น้ำยาไทโนซานจะช่วยได้ฆ่าเชื้อได้ 75-80 % แต่ทีมงานก็ยังได้มุ่งหน้าเพื่อหาสารที่สามารถฆ่าเชื้อและป้องกันรังสี UV ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ คือ 99 -100% เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้ในทางการแพทย์


จุดเด่นของผ้าจากเยื่อ ไผ่นี้คือ ผ้าที่ได้มาจากกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไผ่เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ปลูกง่าย โตเร็ว กำลังได้รับความนิยม และที่สำคัญคือไม่มีการใช้สารฆ่าแมลงในแปลงปลูกอีกด้วย


ใน ปัจจุบัน ผ้าจากเยื่อไผ่เป็นที่รู้จักและมีจำหน่ายในประเทศแถบเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ฯลฯ โดยทั่วไป แต่การพัฒนาให้ผ้าจากเยื่อไผ่ให้มีคุณสมบัติพิเศษดังกล่าวนั้นก็นับเป็นนวัต กรรมด้านเสื้อผ้าและสิ่งทอ ที่อาจจะเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคและอาจเป็นก้าว ใหม่ของเสื้อผ้าที่จะถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์


ทั้งคู่ได้รายงานผลการวิจัยและพัฒนาในการประชุม American Chemical Society ครั้งที่ 235 ในประเทศอเมริกา เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา


ต้นไผ่เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนและมีคุณประโยชน์อย่างมหาศาล เพราะช่วยทำให้

อากาศบริสุทธิ์ ว่ากันว่าป่าไผ่มีความหนาแน่นสูงทำให้สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

และปล่อยก๊าซออกซิเจนกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมได้สูงกว่าต้นไม้ชนิดอื่นถึง ร้อยละ 30 สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งสูงได้หลายฟุตภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง จึงทำให้สามารถ

เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอด ใช้น้ำและพลังงานในการปลูกน้อย อีกทั้งไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีอื่นใด เนื่องจากไผ่มีสารป้องกันแบคทีเรียตามธรรมชาติอยู่แล้ว รากไผ่ยังช่วยฟื้นฟูสภาพดินและขจัดสารพิษในดิน และสามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้
โดยทั่วไปมักนำไผ่มาทำอาหาร เฟอร์นิเจอร์ งานก่อสร้าง กระดาษ บรรจุภัณฑ์ และการขนส่ง แต่เมื่อปี ค.ศ. 2002 นักวิทยาศาสตร์จาก Beijing University ได้ค้นพบวิธีการผลิตเส้นใยจากไผ่ และตั้งแต่นั้นมาได้มีการพัฒนาเทคนิควิธีการผลิตให้ได้เส้นใยที่มีคุณภาพ ชั้นนำ ซึ่งนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ ในเวลาต่อมา
การพัฒนาเป็นสิ่งทอ
ผ้าที่ได้จากต้นไผ่ถือเป็นสิ่งทอที่ได้จากธรรมชาติเพราะทำจากส่วนที่เป็น เนื้อไม้ไผ่ ไม้ไผ่ที่นำมาทำเส้นใยนั้นจะเป็นพันธุ์โมโซ (Moso bamboo) ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับที่หมีแพนด้ากินและสามารถปลูกเลี้ยงได้ง่าย ทำให้ไม่จำเป็นต้องบุกทำลายป่าเพื่อนำไม้ออกมาใช้

ต้นไผ่พันธุ์โมโซ
การเปลี่ยนสภาพจากต้นไผ่ให้กลายเป็นผ้าทอนั้นมีหลายวิธีที่แตกต่างกัน วิธีทางกลคือวิธีที่บดไม้ไผ่ให้เป็นเยื่อไม้นั้นเป็นวิธีที่อันตรายน้อยที่ สุดแต่ทว่าแพงที่สุด ส่วนวิธีทางเคมีนั้น บางวิธีก็เป็นภัยที่คุกคามสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานและสิ่งแวดล้อม แต่เนื่องจากตลาดเสื้อผ้าเส้นใยจากไม้ไผ่กำลังเติบโตและผู้บริโภคนิยม ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นผู้ผลิตหลายรายจึงเลือกใช้วิธีการทำเส้นใยไม้ไผ่ที่ได้รับการรับรอง ว่าปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม เช่น วิธีไลโอเซลล์* (lyocell process) หรือวิธีที่ใช้สารเคมีที่ปลอดภัยกว่าเดิม เช่น กรดอะซิติก (acetic acid) เป็นต้น


ลักษณะของเส้นใยไม้ไผ่
สมบัติที่โดดเด่น

เส้นใยที่พร้อมสำหรับทอ
ผ้าจากเส้นใยไม้ไผ่นิยมนำไปใช้ตัดเสื้อเชิ้ต กางเกงสแลกส์ (slacks) เสื้อชุดของสุภาพสตรี ถุงเท้าและชุดสำหรับออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังนิยมนำมาทำปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนอีกด้วย เนื่องจากมีสมบัติที่โดดเด่นดังต่อไปนี้


ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยไม้ไผ่ ได้แก่ ผ้าคลุมเตียง ผ้าขนหนู และ ถุงเท้า

  • ให้สัมผัสที่นุ่มสบายกว่าผ้าที่ทำจากเส้นใยฝ้าย อีกทั้งยังมีความมันคล้ายกับเส้นใยไหมและขนแคชเมียร์ แต่มีราคาที่ถูกกว่า ทนทานกว่า และดูแลรักษาได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ เมื่อนำเส้นใยไม้ไผ่ไปผสมกับเส้นใยฝ้ายที่ได้จากเกษตรอินทรีย์จะเพิ่มสมบัติ ความอ่อนนุ่มยิ่งขึ้นไปอีกและมีน้ำหนักดี โดยทั่วไปมักผสมเส้นใยฝ้ายเพียงร้อยละ 30
  • ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนังของผู้สวมใส่เนื่องจากเส้นใยของไม้ไผ่จะเรียบ ลื่น จึงเหมาะสมอย่างมากสำหรับผู้ที่ผิวหนังแพ้ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีในการผลิตเส้นใยด้วยว่าได้เลือกกรรมวิธีการผลิตที่ใช้ สารเคมีน้อยและมีมาตรฐานรองรับหรือไม่

ลักษณะของเส้นใย
  • ปรับอุณหภูมิได้เหมาะสมกับสภาพอากาศ กล่าวคือ ในวันที่อากาศร้อนผู้สวมใส่จะรู้สึกเย็นสบาย แต่ในวันที่อากาศหนาวเย็นก็จะรู้สึกอบอุ่นกว่าผ้าที่ทำจากเส้นใยชนิดอื่น ประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส
  • ดูดซับความชื้นและระบายอากาศได้เป็นอย่างดี หากดูที่ภาพตัดขวางของเส้นใยจะพบว่ามีรูพรุนจำนวนมากมาย ซึ่งรูพรุนเหล่านี้จะช่วยให้เส้นใยสามารถดูดซับความชื้นและระเหยความชื้นนี้ ออกไปอย่างรวดเร็ว หากเปรียบเทียบกับเส้นใยฝ้ายจะสามารถดูดซับได้ดีกว่าถึง 3-4 เท่า ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบายตัวในวันที่อากาศร้อน

ภาพตัดขวางของเส้นใยไม้ไผ่พบว่ามีรูพรุนจำนวนมาก
  • ป้องกันแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ เนื่องจากในเส้นใยของไม้ไผ่จะมีสารที่ต้านฤทธิ์ของแบคทีเรีย (bamboo kun) อยู่ สารนี้จะป้องกันไม่ให้แบคทีเรียฝังตัวและเจริญเติบโตบนเสื้อผ้าได้ ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งได้ทดลองซักผ้าจากเส้นใยไม้ไผ่จำนวน 100 ครั้ง พบว่าไม่มีความเปลี่ยนแปลงในประสิทธิภาพการป้องกันแบคทีเรีย
  • ไม่ต้องรีดก่อนสวมใส่ เพราะผ้าชนิดนี้ไม่ยับย่นง่าย
  • ป้องกันผู้สวมใส่จากแสงยูวี
การดูแลรักษา
โดยปกติสามารถซักผ้าจากเส้นใยไม้ไผ่โดยใช้เครื่องซักผ้าและน้ำเย็นได้ เพียงแต่ต้องใช้สบู่อย่างอ่อนและใช้โปรแกรมการซักแบบถนอมผ้า ผู้ผลิตมักไม่นิยมให้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มและสารฟอกสี เมื่อซักเสร็จสามารถแขวนและตากให้แห้งได้เลย เนื่องจากผ้าจากเส้นใยนี้จะแห้งเร็วกว่าเส้นใยชนิดอื่นอยู่แล้ว และด้วยสมบัติไม่ยับย่นง่าย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรีดก่อนใส่ทำให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม มักมีการนำเส้นใยไม้ไผ่มาผสมกับเส้นใยชนิดอื่น เช่น ฝ้าย ไลครา (Lycra) สแปนเด็กซ์ (spandex) โพลิเอสเทอร์ (polyester) เพื่อให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรทำความเข้าใจข้อมูลต่างๆ จากผู้ผลิตก่อน
ทางเลือกใหม่
เส้นใยบางชนิดแม้จะได้จากธรรมชาติ เช่น เส้นใยฝ้าย ต้นไม้หรือขนสัตว์ แต่ก็ไม่อาจเชื่อได้ว่าเป็นมิตรและไร้ซึ่งพิษภัยใดๆ ได้ เช่น การปลูกฝ้ายเพื่อนำมาปั่นเป็นเส้นใยนั้น บางครั้งมีการใช้สารเคมีอันตรายเพื่อใช้ในการกำจัดแมลงและวัชพืชจำนวนมาก หรือต้นไผ่แม้จะไม่ใช้สารเคมีในขั้นตอนการปลูก แต่หากในขั้นตอนการเตรียมเส้นใยมีการใช้สารฟอกและสารเคมีรุนแรงชนิดอื่นก็ อาจส่งผลเสียได้เช่นกัน
สำหรับเส้นใยสังเคราะห์นั้นต้องใช้ปิโตรเลียมเป็นวัตถุดิบ เช่น เส้นใยโพลิเอสเทอร์ ซึ่งทำจากโพลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) ที่ถูกดึงให้เป็นเส้นบางๆ และนำมาทอเป็นผืนนั้น ในปัจจุบันเป็นที่ทราบว่าทั่วโลกกำลังประสบกับวิกฤตการณ์น้ำมัน ดังนั้นหากมีหนทางใดที่ลดการพึ่งพาน้ำมัน อีกทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงน่าจะเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ
เอกสารอ้างอิง

  1. http://eartheasy.com/wear_bamboo_clothing.htm
  2. http://geofeat.com/resources/clothing_footwear/articles/1063
  3. http://www.sciencenewsforkids.org/articles/20061220/Feature1.asp
  4. http://www.wisegeek.com/what-is-bamboo-fabric.htm

ขอบคุณข้อมูลดีๆ ที่นำมาบอกกล่าวกัน

ไผ่ โมโซ เด่นในเรื่องความแข็งแกร่งและอะไรอีก

 ...
           


Phyllostachys edulis (P. pubescens)หรือ Mo So เป็นไผ่ลำเดี่ยว ในเหล่า Running Bamboo
ต้นกำเหนิดมาจากจีนและญี่ปุ่น
มี ชื่อเรียกในภาษาจีนว่า  Mao Zhu ที่แปลว่า Hairy Bamboo มีชื่อเป็นภาษาลาตินเต็มๆว่า Phyllostachys heteroclycla var.Pubescens or Ph. edulis
คำว่า edulis แปลว่ากินได้ ว่ากันว่า ที่ญี่ปุ่นถือว่าเป็นหน่อไม้ที่อร่อยที่สุด
เป็น ไผ่ที่ทรงคุณค่าที่เมืองจีน มีพื้นที่ในการปลูก(เกิด)เยอะที่สุด จึงมีการเรียกชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า Nan Zhu คำว่า Nan ในภาษาจีนแปลว่าไม้ที่ทรงคุณค่า(very valuable hardwood)  เมืองจีนไม่ถือว่าไผ่เป็นหญ้า(ชนิดหนึ่ง)เหมือนโลกตะวันตก

ในการปลูก ตั้งแต่ 1-5 ปี แรก จะไม่เป็นสัญญาณการเติบโตของต้น(ลำ)ไผ่นัก ลำต้นจะโตไม่เกิน 5-6เมตร
คือ เขาจะโตช้ามากใน 1-5 ปีแรก เพราะระบบรากของเขาจะแผ่กระจายไปในแผ่นดินให้เครือข่ายของรากครอบคลุม พื้นที่มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และใน 1-5 ปีผ่านไป เมื่อระบบรากของเขาครอบคลุมพื้นที่อย่างมั่นคงและแข็งแรงแล้ว เราจะเห็นลำต้นของไผ่ Mo So สามารถเติบโตได้ วันละ 1 - 2 ฟุต(ไม่ผิดครับ วันละ 1-2 ฟุต)บางพื้นที่โตได้วันละเมตรเลย


อาจเป็นเพราะว่าเขาใช้เวลาฟักตัว(1-5 ปี) นานเกินไป จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมปลูกในเชิงการค้าในประเทศไทย

คนที่จะปลูก Mo So ได้ นอกจากจะต้องใจเย็นจริงๆแล้วยังต้องเตรียมพื้นที่กว้างๆให้เขาแผ่กระจายได้ตามธรรมชาติของเขา

ในเรื่องการเพาะเม็ดไผ่ Mo So นี้ เวปในประเทศไทยยังไม่มีใครระบุชัดเจนถึงขั้นตอนรายละเอียดในการเพาะ
ผมก็ใช้วิธีเทียบเคียงกับวิธีการเพาะไผ่จากเม็ดไผ่พันธ์อื่นๆ ก็ลองทำๆดู บางพันธ์ก็มีเปอร์เซนต์การงอกดี บางพันธ์ไม่งอกเลย ก็มี
.
.รอบ นี้ผมกำลังเปรียบเทียบระหว่างคำแนะนำในไทย กับฝรั่งว่าวิธีไหนดีที่สุด (พยายามคุมตัวแปรอื่นๆให้เหมือนกันให้มากที่สุด เท่าทีทำได้)
.
.
ตัวอย่างเช่น
ไทย-บอกให้แกะเปลือกออกก่อน แล้วตากแดด ตากแดดเสร็จแล้ว  แช่น้ำ 1 คืน จากนั้นเอาไปเพาะได้
ฝรั่ง-บอก ไม่ต้องแกะเปลือก ไม่ต้องตากแดด เพียงแช่ในน้ำสะอาดให้เปียกโชก แล้วรินน้ำออก เสร็จแล้วให้แช่น้ำเกลือเจือจาง 10% ประมาณ 5 นาที (เพื่อลดการเกิดของเชื้อรา) หลังจากนั้นนำไปแช่ในน้ำสะอาด อีก 15 นาที ก็ลงเพาะได้

ขอขอบคุณ ข้อมูล sirintara
เกษตรกรมือใหม่ จาก เกษตรพอเพียง.คอม
 
2012 ผลิตภัณฑ์ไผ่ เยื่อไผ่ สินค้าจากไผ่ พื้นไม้ไผ่ | Blogger Templates for HostGator Coupon Code Sponsors: WooThemes Coupon Code, Rockable Press Discount Code